แนะนำ
เติมวิตามินดริปผิวฉบับเร่งด่วนต้อง Vitamin IV Drip ที่ Elite Clinic
- 03/08/2023
รู้หรือไม่? ว่าการรับประทานวิตามินหรือการทาครีมบำรุงผิวต่างๆ นั้น ร่างกายของคุณสามารถดูดซึมและนำไปใช้ได้เพียง 20-40 เปอร์เซ็นต์ จึงเป็นเหตุผลให้คุณต้องกินหรือทาวิตามินอยู่เป็นประจำในระยะเวลานานๆ จึงจะเห็นผล ในขณะที่การทำ วิตามินดริปผิว หรือ Vitamin IV Drip ร่างกายสามารถดูดซึมนำไปใช้ได้เลยทันที 100% จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมในปัจจุบันนี้ไม่ว่าจะเซเลบฯ ดารา หรือเหล่าบล็อกเกอร์ และ Influencer ต่างๆ หันมานิยมในการบำรุงผิวพรรณแบบเร่งด่วนด้วยวิธีนี้เป็นจำนวนมาก
Vitamin IV Drip คืออะไร?
การทำ วิตามินดริปผิว หรือเรียกสั้นๆ ได้ว่า IV Drip คือการให้วิตามินหรือสารอาหารผ่านทางสายน้ำเกลือ ซึ่งร่างกายจะสามารถดูดซึมได้อย่างรวดเร็วระดับเซลล์แบบ 100% ได้รับการขนานนามว่าเป็นการรักษาทุกอย่าง ตั้งแต่ความเหนื่อยล้าไปจนถึงรักษาผิวที่เสื่อมสภาพ เป็นวิธีการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการรับวิตามินที่จำเป็นเข้าสู่เซลล์ร่างกายของมนุษย์ และสามารถให้วิตามินที่มีความเข้มข้นสูงขึ้นในคราวเดียวได้
นอกจากนั้นการทำ วิตามินดริปผิว หรือ IV Drip นั้นยังช่วยลดปัญหาที่เกิดจากการรับประทานวิตามินแบบปกติอาจทำให้เกิดแก๊สหรือปวดกระเพาะ ในกรณีที่รับประทานวิตามินจำพวกกรดอะมิโนแอซิดหรือวิตามินซี ที่ต้องผ่านเข้าสู่ทางเดินอาหารจนทำให้เกิดผลข้างเคียงเหล่านั้น ที่สำคัญคือ Vitamin IV Drip ยังเป็นมากกว่าเทรนด์สุขภาพและความงามของเหล่าคนดัง เพราะในสหรัฐอเมริกาฯ ยังมีการการทดลองนำ IV Drip นี้มาใช้รักษาผู้ป่วยที่มีอาการป่วยร้ายแรงและผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงของโควิด-19 อีกด้วย
ประเภทของการทำ Vitamin IV Drip สามารถแบ่งออกได้ 4 ประเภท
- Shine and Brightening : ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มวิตามินและสารอาหารสำคัญ ที่ช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวให้ขาวเรียบเนียนและกระจ่างใส แลดูผิวดูสุขภาพดีและอ่อนเยาว์มากขึ้น
- Weight Control : เป็นกลุ่มวิตามินที่ช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญของร่างกาย เช่น วิตามินบีรวม, ไรโบฟลาวิน, กรดโฟลิกและไนอะซิน เป็นต้น ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อ,ลดระดับน้ำตาลในเลือดและช่วยเผาผลาญไขมัน ได้อีกด้วย
- Antioxidant : จะเป็นกลุ่มวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างและฟื้นฟูระบบคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรงมากยิ่งขึ้น ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระและไวรัสต่างๆ เช่น กลุ่มวิตามินซีที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ร่างกายใช้เพื่อเสริมการทำงานของ T-lymphocyte บำรุงกระดูก กล้ามเนื้อและหลอดเลือด ทั้งยังมีประโยชน์สำหรับการผลิตคอลลาเจนและการดูดซึมธาตุเหล็กอีกด้วย
- Energy Booster : กลุ่มวิตามินที่บี 5 หรือที่เรียกอย่างหนึ่งว่า กรดแพนโทธีนิก,วิตามินบี12 และแมกนีเซียม ช่วยให้ร่างกายสดชื่น มีชีวิตชีวา กระปรี้กระเปร่า ช่วยลดความรู้สึกเมื่อยล้าได้ และช่วยเพิ่มพลังให้กับร่างกาย ลดการสูญเสียน้ำ อาการอ่อนเพลียจากการเจ็บป่วย ทานอาหารไม่ได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ทำหนักพักผ่อนน้อย รวมไปถึงป่วยหลังการผ่าตัดและผู้ป่วยมะเร็ง อีกด้วย
ที่ Elite Clinic มีการทำ วิตามินดริปผิว หรือ Vitamin IV Drip แบบใดบ้าง?
- STARTER สีชมพูเข้ม : ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่ม กระจ่างใสอมชมพู ดูอ่อนเยาว์
- ESSENTIAL สีส้มเข้ม : วิตามินช่วยดีท็อกซ์สารพิษ ต่อต้านอนุมูลอิสระ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และปรับผิวให้กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
- ULTIMA สีเหลืองเข้ม : ช่วย Boost ผิวใหม่ ปรับสภาพผิวให้กระจ่างใสขึ้น แบบเร่งด่วน
ทำ Vitamin IV Drip ที่ Elite Clinic ดีอย่างไร?
✔ ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็ว แบบ 100%
✔ ที่ Elite Clinic เราปรับสูตร วิตามินดริปผิว แบบใหม่ ที่ช่วยเรื่องการบำรุงผิว ที่สามารถเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ
✔ ให้บริการโดยคุณหมอผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและมีความชำนาญในการทำ Vitamin IV Drip
✔ อุปกรณ์ที่เราใช้ได้มาตรฐาน สะอาดและปลอดภัย
ขั้นตอนการทำ วิตามินดริปผิว หรือ IV Drip มีอะไรบ้าง
การให้วิตามินผ่านสายน้ำเกลือนั้น ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยาก แต่จะต้องทำโดยคุณหมอที่เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพราะจะต้องเจาะสายน้ำเกลือเข้าสู่เส้นเลือกดำ (IV) ซึ่งหากทำโดยผู้ไม่ชำนาญการ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ไม่ได้มาตรฐานและสะอาดพอ อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ โดยขั้นตอนแรกของการทำ Vitamin IV Drip คุณหมอจะทำการซักประวัติและตรวจความพร้อมของร่างกาย เพื่อแนะนำรายละเอียดของวิตามินสูตรต่างๆ ของทาง Elite Clinic ที่คนไข้เลือกหรือให้คุณหมอแนะนำที่เหมาะสมให้เป็นรายบุคคล
จากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการทำ วิตามินดริปผิว ผ่านสายน้ำเกลือทางเส้นเลือด โดยผู้ที่ทำสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ไปด้วยได้เลย โดยจะมีผู้ช่วยคุณหมอเข้ามาดูแลและเช็คความเรียบร้อยอยู่เป็นระยะๆ จนกว่าวิตามินจะหมด จึงทำการถอดสายน้ำเกลือออกและคุณก็สามารถกลับบ้านได้เลย
หากคุณสนใจการทำ Vitamin IV Drip เพื่อช่วยเรื่องการฟื้นฟูผิวพรรณให้ดูขาวกระจ่างใส แลดูอ่อนเยาว์มากขึ้น หรือแม้กระทั่งการ ดีท็อกซ์สารพิษ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ะกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ที่ Elite Clinic มีสูตร วิตามินดริปผิว ฉบับเร่งด่วน สูตรพิเศษที่เราพัฒนาและปรับปรุงเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับคุณ ที่โดยคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เฉพาะทางด้าน โดยคุณสามารถสอบถามข้อมูลโปรโมชั่นหรือขอรับคำปรึกษาจากคุณหมอได้เพียงแอดไลน์ Line@
หรือลองศึกษาหาข้อมูลดูรีวิวต่างๆ ก่อนการตัดสินใจทำ คลิกดูรีวิวการทำ Vitamin IV Drip ของ Elite Clinic ที่นี่
แนะนำ
รีจูรัน (Rejuran) คืออะไร? และดีอย่างไร? Elite Clinic มีคำตอบ!
- 03/08/2023
ช่วงนี้หลายคนน่าจะได้เห็นเหล่าคนดัง บล็อกเกอร์หรือ Influencer ต่างๆ นิยมพากันไปรีวิวการทำหน้าเนียนใสที่เรียกว่า Rejuran ในบทความนี้ Elite Clinic จะพาคุณมาทำความรู้จักกับ รีจูรัน กันอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจทำ
Rejuran คืออะไร?
นวัตกรรมเพื่อการฟื้นฟูผิวหน้าที่เสื่อมสภาพจากมลภาวะต่างๆ อายุที่มากขึ้นและปัญหาริ้วรอยจุดด่างดำบนใบหน้าจากสาเหตุต่างๆ มากมาย โดยการทำ รีจูรัน เป็นสารสกัดจาก Polynucleotide (พลีนิวคลีโอไทด์) หรือ PN แบบเข้มข้นจาก Wild Salmon DNA ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อความงามที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในเกาหลี รวมถึงประเทศในเอเชียอื่นๆ เช่น สิงคโปร์และประเทศไทยในขณะนี้อีกด้วย
การฉีด Rejuran Healer ถูกพัฒนาโดย Pharma Research บริษัทยาของเกาหลีในปี 2014 ซึ่งสาร Polynucleotide ได้มาจากการสกัด DNA ของ แซลม่อนป่าซึ่งมีการรับรองจากงานวิจัยมาแล้วว่ามีความใกล้เคียงกับ DNA ของมนุษย์มากที่สุด โดยจะมีโครงสร้างสาย DNA ที่มีลักษณะยาว สามารถจับกับ A2A Receptor ในร่างกายมนุษย์ และสามารถกระตุ้นการสร้าง Fibroblast ที่เป็นเส้นใยสำคัญในการสร้างคอลลาเจนได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังช่วยสร้างเนื้อเยื่อผิวหนังใหม่ ทำให้ผิวหน้าของเราอิ่มฟู ฉ่ำน้ำ กระจ่างใสและมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น จึงลดเลือนริ้วรอยทำให้ใบหน้าของเรากลับมามีผิวสุขภาพดีแลดูอ่อนเยาว์ได้
Rejuran ทำงานอย่างไร?
เพราะทุกวันนี้มลภาวะในอากาศทั้งความร้อน แสงแดดและฝุ่นควัน ทำให้ผิวหน้าของเราต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้จนทำให้เกิดผิวกร้าน ดำคล้ำและเกิดริ้วรอยต่างๆ ได้ง่าย นอกจากนั้นปัญหาที่มาพร้อมกับอายุที่มากขึ้น ก็ยังมีเรื่องของการผลิตคอลลาเจนและเส้นใยอิลาสติกในผิวหนังที่ลดลง ทำให้ชั้นผิวหนังแท้ของเราบางและขาดความยืดหยุ่น แต่เมื่อฉีด รีจูรัน เข้าสู่ผิวหนังแล้วสาร Polynucleotide (พลีนิวคลีโอไทด์) จะเชื่อมต่อกับเส้นเลือดเล็กๆ ในเซลล์เพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิวหนังที่เสียหายหรือเสื่อมสภาพ เป็นอันเริ่มกระบวนการฟื้นฟูและสร้างเซลล์ผิวใหม่ พร้อมกับการสร้างคอลลาเจน คืนความสมดุลของน้ำและน้ำมันให้กับผิวหน้าของคุณ ทำให้ใบหน้าหน้าฉ่ำวาวและรูขุมขนเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
8 สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนทำ Rejuran ที่ Elite Clinic
- การทำ รีจูรัน เป็นการเซลล์ผิวขึ้นมาใหม่ จึงมีประสิทธิภาพมากในการรักษาแผลเป็นจากสิวและกระชับรูขุมขนในผิวของคุณได้ นอกเหนือจากการทำให้สีผิวของคุณสว่างและเรียบเนียนมากขึ้น
- Rejuran ช่วยให้เมคอัพติดทนนานมากขึ้น เพราะมีส่วนช่วยในการรักษาผิวขาดน้ำ ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ผิวหมองคล้ำ ริ้วรอยรอบดวงตา, ริ้วรอยรอบริมฝีปาก และร่องลึกบนใบหน้า
- Polynucleotide (พลีนิวคลีโอไทด์) เป็นสารที่ปลอดภัยมาก มีความคงตัวต่อความร้อน ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงต่อร่างกายมนุษย์ ออกฤทธิ์อย่างรวดเร็วในการรักษาโครงสร้างผิวหนัง และจะคงอยู่ในผิวหนังได้นานกว่าสารอื่นๆ เพราะเป็นโครงสร้างที่พยุงผิวหน้าของคุณให้คงสภาพดีไว้ นั่นเอง
- ทำ รีจูรัน ต้องฉีดกี่ครั้งและสามารถเห็นผลลัพธ์ได้อย่างไรบ้าง? : แนะนำให้ฉีด 4 ครั้งขึ้นไป โดยระยะแรกให้เว้นระยะห่างในการฉีด 2-3 สัปดาห์ หลังจากนั้นสามารถเว้นเป็น 3-6 เดือนได้ เพื่อเป็นการรักษาให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานยิ่งขึ้นซึ่งผลลัพธ์ในการฉีดแต่ละครั้ง คุณจะสามารถสัมผัสได้ถึงผลลัพธ์ ดังนี
- ครั้งที่ 1 ช่วง 3-5 วัน ผิวชุ่มชื้น เนียนนุ่ม ดูอิ่มน้ำ
- ครั้งที่ 2 ช่วง 3-4 วัน ผิวเต่งตึงขึ้น รูขุมขนกระชับขึ้น
- ครั้งที่ 3 ช่วง 4-6 วัน ผิวแน่น ยกกระชับ แข็งแรงขึ้น
- ครั้งที่ 4 ช่วง 6-8 วัน รู้สึกได้ถึงผิวที่ดีขึ้นได้อย่างชัดเจน
- ปริมาณที่เหมาะสมของการฉีด Rejuran : แนะนำให้ฉีด 2cc. เมื่อใช้ในพื้นที่ขนาดเล็ก แต่การฉีดที่หน้าผากแนะนำให้ฉีด 3cc ต่อครั้ง นอกจากนี้ยังสามารถใช้กับรอยย่นที่คอ โดยฉีด 2-4 cc อย่างสม่ำเสมอในบริเวณระหว่างรอยย่น
- การทำ รีจูรัน เหมาะกับใครบ้าง?
✔ ผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าจากปัญหาหลุมสิว
✔ ผู้ที่มีสภาพผิวเสื่อมโทรม, ผิวแพ้ง่าย, ขาดความชุ่มชื้นหรือเป็นแผล
✔ ผู้ที่ต้องการให้ผิวหน้าฉ่ำวาวแบบสาวเกาหลี
✔ ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่มีปัญหาผิวแห้งและมักพบปัญหาแต่งหน้าไม่ติด
✔ ผู้ที่ต้องการให้ผิวแข็งแรงอย่างเป็นธรรมชาติ
✔ ผู้ที่ไม่ต้องการใช้วิธีฟิลเลอร์หรือโบท็อกซ์
✔ ผู้ที่มีริ้วรอยบริเวณคอ รอบดวงตา และผิวแตกลายที่รักษายาก - การฉีด Rejuran มีผลข้างเคียงหรือไม่? : รีจูรันได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของไทยอย่างถูกต้อง และมีผลรับรองความปลอดภัยจากหลายสถาบัน จึงไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงกับร่างกายมนุษย์ แต่อาจจะต้องระวังการรักษาร่วมกับสารชนิดอื่น และผู้ที่ควรปรึกษาคุณหมอก่อนทำ มีดังนี้
- การฉีดร่วมกับสาร Hyaluronic Acid Fillers หรือไขมันที่ฉีดเข้าไป อาจทำให้เกิดปฏิกิริยารุนแรงได้
- ผู้ที่ใช้ยากลุ่ม NSAIDs สารยับยั้งการรวมตัวของเกล็ดเลือด ยาต้านการแข็งตัวของเลือด และยากดภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่มีการตอบสนองที่ไวต่อผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ สารโซเดียม โพลีนิวคลีโอไทน์ (Sodium Polynucleotide)
- ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้, โรคแพ้ภูมิตัวเอง , โรค Sarcoidosis granulomatous pathology, โรคเยื่อบุโพรงหัวใจอักเสบ
- ผู้ที่มีผิวหนังอักเสบหรือติดเชื้ออยู่
- ผู้ที่รับประทานวิตามินประเภท Primrose oil, Garlic, Ginseng หรือ Vitamin E
- การฉีดร่วมกับสาร Hyaluronic Acid Fillers หรือไขมันที่ฉีดเข้าไป อาจทำให้เกิดปฏิกิริยารุนแรงได้
- จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น Rejuran แท้ 100% : จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็น Rejuran แท้ 100% : วิธีสังเกตุของแท้คือจะต้องมีSticker Hologram ที่ข้างกล่อง และสามารถสแกน QR code ที่ Sticker Hologram เพื่อเข้าไปที่หน้าเว็บไซต์หรือหน้าเพจที่แสดงข้อมูลของตัวแทนจำหน่าย โดยข้างกล่องจะมีฉลาก อย.ไทย และในกล่องจะมี 2 ไซริงค์ พร้อมเข็มขนาดเล็ก
หากคุณสนใจการทำ Rejuran ที่จะมั่นใจได้เลยว่าเป็นของแท้ 100% กับคุณหมอที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์เฉพาะทางด้านความงามอย่างครบวงจร ที่ Elite Clinic และไม่ใช่แค่การทำ รีจูรัน เท่านั้น แต่การเสริมความงามในด้านอื่นๆ เช่น การทำฟิลเลอร์ หรือโบท็อกซ์ คุณหมอของเราก็มีความชำนาญเช่นเดียวกัน โดยคุณสามารถสอบถามข้อมูลโปรโมชั่นหรือขอรับคำปรึกษาจากคุณหมอได้เพียงแอดไลน์ Line@
หรือลองศึกษาหาข้อมูลดูรีวิวต่างๆ ก่อนการตัดสินใจทำ คลิกดูรีวิวการทำ Rejuran ของ Elite Clinic ที่นี่
แนะนำ
เทคนิคเติมฟิลเลอร์ร่องแก้ม ให้หน้าตึงกระชับ ที่ Elite Clinic
- 03/08/2023
ใครๆ ก็รู้ว่า ตำแหน่งบนใบหน้าที่แสดงให้เห็นถึงอายุที่มากขึ้นของคุณได้ชัดเจนจุดหนึ่งก็คือ ‘บริเวณร่องแก้ม’ หรือบางคนเรียกว่าร่องน้ำหมากที่หากเกิดขึ้นแล้วและสามารถเห็นได้ชัดเจน ภาพรวมของใบหน้าคุณจะดูแก่ขึ้นทันที ฉะนั้น วิธีการแก้ปัญหาร่องแก้มหรือร่องน้ำหมากที่นิยมมากที่สุดก็คือ การ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม นั่นเอง
ปัญหาร่องแก้มหรือร่องน้ำหมากเกิดจากสาเหตุอะไร?
Mid Cheek Groove หรือ Nasolabial Fold คือปัญหาร่องแก้มร่องน้ำหมากที่สามารถเกิดได้หลายสาเหตุ โดยส่วนใหญ่มักเกิดจากอายุที่มากขึ้น คอลลาเจนใต้ผิวหนังจึงผลิตได้น้อยลงจึงทำให้เกิดปัญหาหย่อยคล้อยตามจุดต่างๆ ตามมา รวมถึง ปริมาณกระดูกบริเวณใต้ตาและร่องแก้มลดลงด้วย ส่งผลให้ไขมันและเอ็นในบริเวณแก้มและตาหย่อนลง ทำให้เกิดถุงใต้ตา มุมปากตกและแก้มห้อยย้อยลงมา จนเกิดเกิดร่องระหว่างแก้มและมุมปาก ปัญหาร่องแก้มร่องน้ำหมากจึงตามมา ทำให้คุณใช้ชีวิตด้วยความไม่มั่นใจ เพราะนอกจากเป็นสัญญาณของความแก่แล้ว ยังทำให้ใบหน้าของคุณมีสีหน้าที่เศร้าไม่สดใสอีกด้วย การ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม จึงเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ได้
นอกจากนั้นเรื่องของอายุที่มากขึ้นแล้ว ปัญหาร่องแก้มร่องน้ำหมาก ก็ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดขึ้นได้ เช่น
- ใช้กล้ามเนื้อบริเวณร่องแก้มทำงานมากเกินไป เช่น พฤติกรรมชอบเคี้ยวหมากฝรั่ง หรือการกินอาหารที่มีความเหนียวบ่อยๆ
- มีไขมันบริเวณแก้มเยอะมากเกินไป
- ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น จนเห็นเป็นรอยพับบริเวณร่องแก้มเวลายิ้ม
- กล้ามเนื้อบริเวณแก้มไม่แข็งแรงจึงหย่อนง่ายและเร็วกว่าที่ควรเป็น
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม (Mid Cheek Groove Filler) คืออะไร?
อย่างที่ทราบกันดีกว่าฟิลเลอร์ก็คือการเติมเต็มชนิดหนึ่งชื่อว่า Hyaluronic Acid ที่ค่อนข้างปลอดภัย (ถ้าเป็นของแท้) เพราะไฮยาลูรอนิคเป็นสารที่มีอยู่ในผิวหนังของเราอยู่แล้ว เมื่อฉีดเข้าผิวหนังของเราแล้วร่างกายยจึงไม่เกิดการต่อต้าน จึงมีโอกาสเกิดการแพ้ได้น้อยมากๆ อีกทั้งยังสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ และเมื่อฉีดฟิลเลอร์จะเข้าไปแล้วก็จะช่วยเติมจุดที่เป็นร่อง, รอยพับหรือย่นให้กลับมาตึงกระชับได้ดังเดิม
ของดีของการ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ที่ Elite Clinic มีอะไรบ้าง?
✔ ช่วยแก้ไขปัญหาร่องแก้มร่องน้ำหมาก ที่ทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย
✔ ช่วยเติมเต็มร่องลึก ริ้วรอยหรือบริเวณที่หย่อนคล้อยให้กระชับและตื้นขึ้น
✔ ช่วยให้ผิวบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ชุ่มชื้นขึ้น เพราะฟิลเลอร์ที่ช่วยกักเก็บน้ำที่ผิวหนังไว้ได้
✔ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่ใต้ผิวหนัง
✔ สามารถเห็นผลในทันทีและจะชัดเจนมากขึ้นใน 7-14 วัน
✔ ไม่ต้องผ่าตัด พักฟื้นยาวๆ และไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนใบหน้า
✔ การฉีดฟิลเลอร์แท้จะมีความปลอดภัยและสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่เสี่ยงต่อการแพ้
การ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เหมาะกับใคร
- ผู้ที่มีปัญหาร่องแก้ม ร่องน้ำหมากลึก
- ผู้ที่มีปัญหากระดูกใต้ตาและร่องแก้มลดลง จนเกิดร่องแก้มลึก
- ผู้ที่ต้องการยกกระชับใบหน้าให้ตึง เรียบเนียนมากขึ้น
- ผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อบริเวณร่องแก้มทำงานมากเกินไป
การ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ที่ Elite Clinic จะแบ่งขั้นตอนออกเป็น 3 ช่วงหลักๆ ดังนี้
1. การเตรียมก่อนเข้ารับการฉีดฟิลเลอร์ : คุณหมอจะทำการประเมินปัญหาร่องแก้มของคุณ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและแนะนำวิธีการแก้ไขที่ตรงจุดและได้ผลดีมากที่สุด สิ่งที่คุณควรเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ควรงดและหลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆ เหล่านี้
-
- งดยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด พร้อมทั้งยาแก้ปวดทั้งแอสไพรินและ NSAIDS ก่อนการฉีด 1 สัปดาห์
- งดการทายาที่มีผลต่อการผลัดเซลล์ผิวในบริเวณแก้มและใต้ตา ก่อนการฉีด 1 สัปดาห์
- งดอาหารรสเผ็ดและเค็มจัด เพราะมีผลกับระบบหมุนเวียนโลหิต ก่อนการฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม 2 – 3 วัน
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด และงดกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด เช่น การออกกำลังกาย ก่อนการฉีด 1 วัน
- งดยา อาหารเสริม หรือสมุนไพรที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด พร้อมทั้งยาแก้ปวดทั้งแอสไพรินและ NSAIDS ก่อนการฉีด 1 สัปดาห์
2. ขั้นตอนระหว่างการฉีดฟิลเลอร์ : คุณหมอจะทำการฆ่าเชื้อบริเวณร่องแก้ม, โหนกแก้มและใต้ตา รวมถึงเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ก่อนการฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง จากนั้นคุณหมอจะทำการฉีดยาชาเฉพาะบริเวณที่จะฉีดแล้วทิ้งไว้ประมาณ 15-30 นาที เมื่อยาชาออกฤทธิ์คุณหมอจะเริ่มฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ด้วยเทคนิคพิเศษของ Elite Clinic ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาร่องแก้มร่องน้ำหมากให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด และเข้ากับรูปหน้าของแต่ละบุคคล
3. หลังการฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้ว : เมื่อฉีดฟิลเลอร์ในจุดที่ต้องการแล้ว คุณหมอจะทำความสะอาดบริเวณที่ฉีดอีกครั้ง จากนั้นคุณหมอจะปล่อยให้คุณพักประมาณ 10-15 นาที เพื่อดูปฏิกิริยาหลังการฉีดว่าตำแหน่งที่ฉีดจะมีอาการบวมหรือไม่ หากเกิดการบวมคุณหมอจะประคบน้ำแข็งให้ เพราะคุณไม่ควรประคบเองเนื่องจากอุณหภูมิมีผลต่อการเซ็ตตัวของฟิลเลอร์ และน้ำหนักในการลงแรงกดประคบที่มากเกินไป อาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนไปที่เนื้อเยื่ออื่นได้
เมื่อกลับถึงบ้านแล้วคุณควรดูแลตัวเองหลังการ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ตามข้อปฏิบัติดังนี้
งดการออกไปเจอกับแสงแดด หลังการฉีดฟิลเลอร์ 2-3 วัน เพราะผิวบรเวณที่ฉีดนั้นจะไวต่อแสงแดดและความร้อนมากกว่าปกติ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อการเซ็ตตัวของฟิลเลอร์ด้วย
- หลีกเลี่ยงการจับ, สัมผัสหรือกดบริเวณที่ฉีด ฟิลเลอร์ร่องแก้ม 2-3 วัน เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนและอาจทำให้บริเวณที่ฉีดเกิดรอยช้ำได้
- งดการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์หลังการฉีดฟิลเลอร์ 2-3 วัน
- งดการรับประทานยา อาหารเสริมหรือสมุนไพร ที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด ประมาณ 1 สัปดาห์
- งดการออกกำลังกายใดๆ ที่จะทำให้เลือดสูบฉีดมากกว่าปกติ
- งดทานอาหารรสจัด, อาหารหมักดอง, อาหารสุกๆ ดิบๆ ประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อและกระตุ้นการอักเสบได้
- งดการเลเซอร์บริเวณใบหน้าหรืออยู่ในห้องซาวน่า หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ 1 เดือน เพราะความร้อนจะทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็วกว่าปกติ
หากคุณสนใจการทำ ฟิลเลอร์ร่องแก้ม การศึกษาข้อมูลความน่าเชื่อถือของคุณหมอและคลินิกแต่ละที่ให้แน่ใจว่า เป็นคลินิกที่ได้มาตฐาน คุณหมอที่ฉีดก็จะต้องมีประสบการณ์ และ Filler ที่ใช้จะต้องเป็นของแท้ 100% เพื่อความปลอดภัยของคุณและผลลัพธ์การแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด ซึ่งที่ Elite Clinic เรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้และประสบการณ์เฉพาะทางด้านความงามอย่างครบวงจร โดยเฉพาะการฉีด Filler ที่ช่วยปรับใบหน้าของคุณให้ดูอ่อนเยาว์ ไร้ร่องลึกและริ้วรอยกวนใจได้อย่างดีเยี่ยม โดยคุณสามารถสอบถามข้อมูลโปรโมชั่นหรือขอรับคำปรึกษาจากคุณหมอได้เพียงแอดไลน์ Line@
หรือลองศึกษาหาข้อมูลดูรีวิวต่างๆ ก่อนการตัดสินใจทำ คลิกดูรีวิว ฉีดฟิลเลอร์ ของ Elite Clinic ที่นี่